เที่ยวเมืองซามูไร "ฮิเมจิ" แบบไปเช้าเย็นกลับ!

จากสถานีโอซาก้าไปสถานีฮิเมจิ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงถ้าโดยสารรถไฟด่วน JR หรือราว 30 นาทีถ้านั่งชินคันเซ็น ปราสาทฮิเมจิอยู่ใกล้สถานี เดินทางท่องเที่ยวได้สะดวกด้วยรถสาธารณะ

ถ้าอยากเที่ยวฮิเมจิให้คุ้มในหนึ่งวัน ขอแนะนำเส้นทางนี้เลย!

ใช้ตั๋วพิเศษของรถบัสชินกิ จะช่วยให้เที่ยวสถานที่เหล่านี้ได้ครบและสะดวกมากขึ้น!

ถ้าอยากเที่ยวฮิเมจิให้คุ้มสุด ๆ ขอแนะนำ ตั๋ว 2 แบบนี้

  1. เซ็ตตั๋วโชชะซังโรปเวย์(Shoshazan Ropeway Ticket Set)
    รวมรถบัสไป–กลับจากสถานีฮิเมจิถึงภูเขาโชฉะซัง(Shoshazan) และบัตรขึ้นกระเช้าไว้ในใบเดียว คุ้มและสะดวกมาก
  2. ตั๋วเที่ยวรอบเมืองปราสาท แบบ 2 วัน
    นั่งรถบัสไม่จำกัดเที่ยวจากสถานีฮิเมจิถึงกระเช้าโชชะซังได้ 2 วัน และยังได้ส่วนลด 20% สำหรับค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ในพื้นที่อีกด้วย

ขั้นตอนที่ 1: ซื้อตั๋วเดินทางสุดคุ้มในฮิเมจิไว้ก่อน!

ถ้าอยากเที่ยวฮิเมจิแบบคุ้ม ๆ แนะนำให้ใช้ตั๋วเซ็ตเดินทางสุดสะดวก สามารถซื้อตั๋วได้ที่ศูนย์ข้อมูลรถบัสชินกิ หน้าสถานีฮิเมจิ
ตั๋วเซ็ตที่จำหน่ายหลัก ๆ มีดังนี้:

  1. ตั๋วเซ็ตกระเช้าภูเขาโชชะ(Shoshazan Ropeway)
    ตั๋วนี้รวมการนั่งรถบัสไม่จำกัดเที่ยวจากสถานีฮิเมจิถึงกระเช้าภูเขาโชชะซัง พร้อมบัตรขึ้น–ลงกระเช้าไป–กลับในใบเดียว จากยอดเขาสามารถเดินทางต่อไปยังวัดโชชะซัง เอ็นเกียวจิ
    ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai ได้ด้วย
  2. ตั๋วเที่ยวรอบเมืองปราสาท แบบ 2 วัน
    ตั๋วสุดคุ้มที่รวมรถบัสไม่จำกัดเที่ยวรอบสถานีฮิเมจิ พร้อมบัตรขึ้น–ลงกระเช้าไป–กลับ แถมยังได้ส่วนลด 20% สำหรับค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ในพื้นที่ เหมาะทั้งสำหรับเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับหรือพักค้างคืน!

การเดินทางจากเกียวโตและโอซาก้า

ฮิเมจิเดินทางสะดวกจากทั้งเกียวโตและโอซาก้า เหมาะมากสำหรับทริปไปเช้าเย็นกลับ เพราะมีรอบรถไฟออกบ่อย เดินทางไปกลับได้สบายในหนึ่งวัน แต่ถ้าอยากเที่ยวชมเมืองฮิเมจิแบบเต็มอิ่ม แนะนำให้พักค้างสักหนึ่งคืนจะได้ไม่เร่งรีบเกินไป!

การเดินทางจากสถานีเกียวโตไปยังสถานีฮิเมจิ

ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยรถไฟด่วน ค่าโดยสาร: 2,210 เยน
ประมาณ 40 นาที โดยชินคันเซ็น ค่าโดยสาร: 5,500 เยน

การเดินทางจากสถานีโอซาก้าไปยังสถานีฮิเมจิ

ประมาณ 1 ชั่วโมง ด้วยรถไฟด่วน ค่าโดยสาร: 1,460 เยน
ประมาณ 40 นาที โดยชินคันเซ็น ค่าโดยสาร: 3,220 เยน

ขั้นตอนที่ 2: วัดโชชะซัง เอ็นเกียวจิ

Engyoji's Three Halls (Mitsu no Do) - Filming Location of 'The Last Samurai'

วัดเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี ท่ามกลางธรรมชาติอันสงบสวยงาม วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครย้อนยุคหลายเรื่อง รวมถึงภาพยนตร์ชื่อดัง The Last Samurai อีกด้วย

เวลาเปิดทำการ

ฤดูหนาว: 8:30–17:00
ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง: 8:30–18:00

ขึ้นกระเช้าประมาณ 4 นาที ก็จะถึงยอดเขา!
เซ็ตตั๋ว "กระเช้าภูเขาโชชะซัง" หาซื้อได้ที่สถานีฮิเมจิ ใช้ได้ทั้งรถบัสและกระเช้าในใบเดียว สะดวกและคุ้มมาก
เมื่อถึงยอดเขา คุณจะได้ชมวิวเมืองฮิเมจิแบบสุดสายตา จากนั้นสามารถต่อรถชัตเทิลบัสหรือเดินเท้าไปยังวัดได้ ใช้เวลาประมาณ 15–20 นาที
การได้เดินชมป่าไปจนถึงวัด เป็นประสบการณ์ที่หลายคนบอกว่าให้ความรู้สึกสงบ เติมพลังใจ และได้ใกล้ชิดธรรมชาติมาก ๆ

อาคารหลักของวัด มีสไตล์การก่อสร้างที่ทำให้นึกถึง รูปแบบเดียวกับวัดคิโยมิสุในเกียวโต ภายในวัดยังมีศาลาอีก 3 หลัง หนึ่งในนั้นคือ "จิกิโดหรือศาลาอเนกประสงค์ของวัด" ที่ชั้น 1 สามารถทดลองร่วมกิจกรรมเขียนอักษรพระธรรม ได้ ส่วนชั้น 2 จัดแสดงพระพุทธรูปและสมบัติล้ำค่า
ซึ่งภาพยนตร์ The Last Samurai ก็ถ่ายทำในศาลาทั้ง 3 หลังนี้ ถ้าอยากเดินชมให้ทั่ว แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง


ขั้นตอนที่ 3: ปราสาทฮิเมจิ

ปราสาทฮิเมจิ เป็นหนึ่งในปราสาทที่งดงามและเป็นที่รักที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยสีขาวโดดเด่นอันสง่างาม
จึงได้รับสมญาว่า "ปราสาทนกกระยางขาว" สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1609 ผ่านการบูรณะหลายครั้ง แต่ยังคงรูปลักษณ์อันสง่างามไว้ได้จนถึงปัจจุบัน และในปี 1993 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

ปราสาทโอซาก้า
ปราสาทฮิเมจิ

แม้ว่าปราสาทโอซาก้าจะโด่งดังมาก แต่ปราสาทฮิเมจิกลับมีเสน่ห์และความงดงามที่ไม่เหมือนที่ไหน หอคอยหลักที่สร้างด้วยไม้ยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมเมื่อกว่า 400 ปีก่อนไว้จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมไม้ญี่ปุ่น และได้รับการยกย่องว่าเป็น “สุดยอดแห่งปราสาท” ของประเทศญี่ปุ่น และที่นี้ยังอยู่ในเส้นทางของ "ตั๋วเซ็ตกระเช้าภูเขาโชชะ(Shoshazan Ropeway)", "ตั๋วแบบ 1 วัน" และ "ตั๋วแบบ 2 วัน" อีกด้วย เดินทางได้คุ้มสุด ๆ ด้วยตั๋วใบเดียว!

การเดินทาง

จากป้ายรถบัส Mt. Shosha Ropeway ขึ้นรถบัส Shinki และลงที่ปราสาท Himeji Otemon-mae โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที


ขั้นตอนที่ 4: สวนญี่ปุ่นดั้งเดิม "โคโคเอ็น"

สวนโคโคเอ็นตั้งอยู่ติดกับปราสาทฮิเมจิ ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า 33,000 ตารางเมตร เปิดให้เข้าชมในปี 1992 บนพื้นที่เดิมของคฤหาสน์เจ้าเมืองฮิเมจิในอดีต ภายในแบ่งออกเป็นสวนย่อย 9 แห่ง แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์ต่างกัน และออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบ “สระน้ำวน” ที่สามารถเดินชมธรรมชาติรอบสระได้อย่างเพลิดเพลิน
ที่นี่สามารถชมดอกไม้และต้นไม้ตามฤดูกาลได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงซากุระบานและฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมีการจัดไฟไลท์อัพที่สวยงาม ในวันที่อากาศดี แนะนำให้นั่งจิบมัทฉะชมสวนไปพลาง ๆ เพลิดเพลินกับบรรยากาศสงบของสวนญี่ปุ่นแบบแท้จริง


รวมร้านอาหารน่าแวะ! ได้ทั้งชิมฟรีและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ

Tatsuriki (龍力) โรงกลั่นสาเก

โรงกลั่นสาเกเก่าแก่ในเมืองฮิเมจิที่มีประวัติมายาวนานกว่า 100 ปี มุ่งมั่นในการผลิตสาเกคุณภาพเยี่ยม รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน
ที่นี่เดินทางง่ายจากปราสาทฮิเมจิ มีพนักงานที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และยังมีกิจกรรมให้ลองชิมสาเกแบบสนุกๆ เหมาะกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
Google Map

จุดที่ห้ามพลาด

  • สาเกที่โดดเด่นด้วย "รสชาติของข้าว" และเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น (terroir) ได้รับความนิยมในหมู่คนที่ชอบดื่มไวน์
  • แนะนำเซ็ตชิมเปรียบเทียบสาเก 7 ชนิด ที่ให้คุณได้สัมผัสรสชาติแตกต่างตามแหล่งปลูกข้าว เป็นประสบการณ์เทสติ้งที่ทั้งอร่อยและสนุก
  • เดินจากสถานีฮิเมจิแค่ 5 นาที ก็ถึง ร้าน "Tatsuriki" ร้านสาเกที่ให้คุณสามารถ ลองชิมสาเกญี่ปุ่นได้แบบสบายๆ
  • ร่วมสัมผัสประสบการณ์พิเศษ (ต้องจองล่วงหน้า) เรียนรู้ขั้นตอนการบ่มสาเกแบบดั้งเดิม พร้อมสนุกกับกิจกรรมสร้าง "สาเกสูตรเฉพาะของคุณเอง" ที่ไม่เหมือนใคร

ทัวร์ชมโรงงานและกิจกรรมเวิร์กช็อปที่ Yamasa Kamaboko (ยามาซะ คามาโบโกะ)

Yamasa Kamaboko เป็นสถานที่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมและลองทำ "คามาโบโกะ" (ลูกชิ้นปลาญี่ปุ่น) แบบดั้งเดิมของเมืองฮิเมจิ
มีของกินอร่อยๆ อย่างเท็มปุระปลาทอดร้อนๆ ให้ชิม และในฤดูใบไม้ผลิ ยังมีสวนดอกชิบะซากุระบานสวย ถ่ายรูปได้แบบฟินๆ
เหมาะมากสำหรับแวะพักระหว่างเที่ยว เป็นจุดเช็กอินแนวท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาด!
จากสถานีฮิเมจิ ออกทาง ประตูทิศเหนือ แล้วขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 17นั่ง Shinki Bus สาย Maenosho ประมาณ 30 นาที
ลงที่ป้าย Shimizubashi Nishizume แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
*วันเสาร์–อาทิตย์และวันหยุด รถจะจอดที่ป้าย Yamasa Kamaboko-mae ซึ่งอยู่หน้าโรงงาน เดินทางสะดวกยิ่งขึ้น
Google Map

จุดที่ห้ามพลาด

  • เข้าชมขั้นตอนการผลิตคามาโบโกะและชิกุวะได้ ฟรี! มีรอบชมวันละ 2 รอบในวันธรรมดา และ 6 รอบในวันเสาร์–อาทิตย์และวันหยุด เหมาะกับครอบครัว นักท่องเที่ยว และผู้สนใจอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
  • เรียนรู้วิธีทำคามาโบโกะและชิกุวะจากช่างผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ราคา 1,500 เยน / ต้องจองล่วงหน้า
  • มีของอร่อยให้ลองชิมและเลือกซื้อ ทั้งคามาโบโกะทอดร้อนๆ สดใหม่ และเมนูดังอย่าง "โจกะมาจิ ด็อก" พร้อมของกินจากปลาอีกหลากหลายแบบให้เลือก
  • ในฤดูใบไม้ผลิ ที่บริเวณรอบๆ โรงงาน Yamasa Kamaboko จะมีดอกไม้เล็กๆ สีชมพูสดใสที่ชื่อว่า ชิบะซากุระ บานเต็มพื้นที่ เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมฟรี เหมาะมากสำหรับเดินเล่น ถ่ายรูป และเพลิดเพลินกับบรรยากาศธรรมชาติ ใครมาเยี่ยมชมโรงงานช่วงนี้ จะได้เห็นความสวยงามของดอกไม้ไปพร้อมๆ กับกิจกรรมเวิร์กช็อปและชิมอาหาร

สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำมาทั้งหมดนี้สามารถเที่ยวครบได้ภายในหนึ่งวัน แต่ในพื้นที่ฮิเมจิยังมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมอีกมากมายที่น่าสนใจ รอให้คุณไปค้นพบด้วยตัวเอง เสน่ห์ของฮิเมจิมีมากเกินกว่าจะสัมผัสได้หมดในวันเดียว อย่าลืมมาเยือนสักครั้งนะ!